ข้อสำคัญ
1. สร้างคำมั่นสัญญาส่วนตัวเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารเวลา
"กำหนดจุดมุ่งหมายในชีวิตของคุณ แล้วเส้นทางสู่ความสำเร็จจะปรากฏชัดเจน"
ทำความชัดเจนกับเป้าหมายของคุณ คำมั่นสัญญาส่วนตัวเปรียบเสมือนรากฐานของการบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายในชีวิต ทำให้สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานและตัดสินใจได้สอดคล้องกับเป้าหมายของตนเอง ในการสร้างคำมั่นสัญญานี้:
- ทบทวนค่านิยม ความชอบ และความปรารถนาในระยะยาวของคุณ
- เขียนบทบาทและหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละด้านของชีวิต
- อธิบายว่าคุณต้องการมีส่วนร่วมกับโลกอย่างไร และความสำเร็จสำหรับคุณหมายถึงอะไร
เมื่อมีคำมั่นสัญญาที่ชัดเจน คุณจะสามารถมุ่งเน้นกับกิจกรรมที่สำคัญจริง ๆ และหลีกเลี่ยงการเสียเวลาไปกับงานที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของคุณได้ดียิ่งขึ้น
2. ใช้บันทึกเวลาช่วยติดตามและปรับปรุงกิจกรรมประจำวัน
"ความรู้ ความตระหนัก และการติดตามความก้าวหน้า คือกุญแจสำคัญในการพัฒนา"
ติดตามเวลาของคุณ การจดบันทึกเวลาถือเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคุณใช้เวลาของคุณอย่างไรจริง ๆ โดยบันทึกกิจกรรมและระยะเวลาที่ใช้ตลอดวัน ประโยชน์ที่ได้รับได้แก่:
- ระบุพฤติกรรมที่ทำให้เสียเวลาและความไม่มีประสิทธิภาพ
- เห็นรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิผลของตัวเอง
- ตระหนักถึงการจัดสรรเวลาในแต่ละงาน
วิธีการทำบันทึกเวลา:
- เลือกวิธีที่เหมาะสม (แอปพลิเคชัน สมุดบันทึก หรือสเปรดชีต)
- บันทึกกิจกรรมและระยะเวลาที่ใช้อย่างน้อยสองสัปดาห์
- ทบทวนและวิเคราะห์บันทึกเพื่อหาจุดที่ควรปรับปรุง
3. ให้ความสำคัญกับงานที่สำคัญ ไม่ใช่แค่เร่งด่วน
"คนส่วนใหญ่ใช้เวลามากเกินไปกับเรื่องเร่งด่วน แต่ไม่พอใจกับเรื่องที่สำคัญ"
จัดลำดับความสำคัญตามความสำคัญ การเข้าใจความแตกต่างระหว่างงานเร่งด่วนและงานสำคัญเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพ ใช้ตาราง Eisenhower ในการจัดหมวดหมู่งาน:
- สำคัญและเร่งด่วน: ทำทันที
- สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน: กำหนดเวลาทำ
- เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ: มอบหมายงานถ้าเป็นไปได้
- ไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ: ตัดออก
การมุ่งเน้นที่งานสำคัญ แม้จะไม่เร่งด่วน จะช่วยให้คุณก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายระยะยาว และลดความถี่ของการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่ไม่สำคัญ
4. แบ่งโครงการใหญ่เป็นส่วนย่อยที่จัดการได้
"เขียนมันลงไป แล้วความสามารถในการทำงานของคุณจะเพิ่มขึ้นสิบเท่า"
แบ่งและพิชิต โครงการใหญ่บางครั้งอาจทำให้รู้สึกท่วมท้นและเลื่อนออกไปได้ แบ่งโครงการออกเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ที่ทำได้จริง:
- เขียนส่วนประกอบทั้งหมดของโครงการลงไป
- จัดลำดับงานตามลำดับเวลา
- ระบุความสัมพันธ์ระหว่างงานแต่ละชิ้น
- กำหนดเส้นตายที่สมเหตุสมผลสำหรับแต่ละงานย่อย
วิธีนี้จะช่วยให้โครงการใหญ่ดูไม่หนักเกินไป และทำให้คุณก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยให้เห็นภาพรวมของโครงการและระยะเวลาที่ต้องใช้ได้ชัดเจนขึ้น
5. ใช้กลยุทธ์รายการสิ่งที่ต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพ
"หน้าที่ของคุณคือค้นหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง"
ปรับแต่งวิธีการของคุณ รายการสิ่งที่ต้องทำเป็นเครื่องมือพื้นฐานของการบริหารเวลา แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณใช้ ลองทดลองวิธีต่าง ๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่เหมาะกับคุณที่สุด:
- รายการประจำวันหรือประจำสัปดาห์
- จัดลำดับตามความสำคัญ
- แยกหมวดหมู่ (งาน, ส่วนตัว, ธุระ)
- ใช้แอปดิจิทัลหรือสมุดบันทึก
เคล็ดลับสำหรับรายการสิ่งที่ต้องทำที่มีประสิทธิภาพ:
- ตั้งเป้าให้สมจริงและทำได้
- ทบทวนและอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ
- รวมทั้งงานเล็กและขั้นตอนสู่เป้าหมายใหญ่
- ใช้ภาษาที่ชัดเจนและเน้นการลงมือทำ
6. กำหนดเวลาทำงานอย่างชัดเจนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
"ถ้าคุณอยากทำอะไร ต้องให้ความสนใจเต็มที่กับงานนั้น"
จัดสรรเวลาที่มีสมาธิ การบล็อกเวลาเป็นการกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนสำหรับงานหรือประเภทงานเฉพาะ ช่วยให้คุณ:
- รักษาสมาธิและหลีกเลี่ยงการทำหลายอย่างพร้อมกัน
- ให้ความสำคัญกับงานที่สำคัญอย่างเต็มที่
- ลดความเหนื่อยล้าจากการตัดสินใจตลอดวัน
วิธีการบล็อกเวลา:
- ระบุงานที่สำคัญที่สุดของคุณ
- กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนสำหรับงานเหล่านั้น
- ลดสิ่งรบกวนในช่วงเวลาที่กำหนด
- ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น
อย่าลืมเผื่อเวลาพักและเวลาสำรองระหว่างช่วงเวลาบล็อกเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
7. เริ่มด้วยงานที่ยากที่สุด – “กินกบตัวนั้นก่อน”
"ทำมันก่อน แล้ว ‘จะไม่มีอะไรแย่กว่านั้นเกิดขึ้น’"
เริ่มต้นอย่างมั่นใจ การทำงานที่ท้าทายหรือที่คุณไม่อยากทำเป็นอันดับแรกในตอนเช้าจะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่มีประสิทธิภาพในวันนั้น วิธีนี้:
- สร้างความตั้งใจและความมั่นใจ
- ลดการผัดวันประกันพรุ่ง
- ทำให้งานสำคัญไม่ถูกทิ้งไว้จนถึงนาทีสุดท้าย
วิธีใช้เทคนิค “กินกบ”:
- ระบุงานที่ยากหรือสำคัญที่สุดของวัน
- กำหนดเวลาทำในช่วงเช้า
- มุ่งมั่นทำให้เสร็จก่อนทำงานอื่นที่ง่ายกว่า
- ฉลองความสำเร็จและใช้พลังนี้ทำงานอื่นต่อไป
8. ใช้วิธีเม็ดทรายเติมเต็มเวลาว่างเล็ก ๆ
"เหมือนกับที่คุณเติมขวดด้วยทรายได้ดีกว่าก้อนหิน วิธีเม็ดทรายช่วยเพิ่ม ‘ความหนาแน่นของประสิทธิภาพ’ ของคุณ"
ใช้เวลาว่างเล็ก ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด วิธีเม็ดทรายคือการเติมเวลาว่างเล็ก ๆ ด้วยกิจกรรมที่มีประโยชน์ ช่วยให้คุณ:
- ใช้เวลาที่อาจถูกมองข้ามอย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำงานเล็ก ๆ หลายอย่างตลอดวัน
- รู้สึกถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จ
ตัวอย่างกิจกรรมเม็ดทราย:
- อ่านหนังสือสักไม่กี่หน้า
- ส่งอีเมลหรือข้อความสั้น ๆ
- ทบทวนรายการสิ่งที่ต้องทำหรือกำหนดการ
- ฝึกสมาธิสั้น ๆ
เตรียมรายการงานเล็ก ๆ เหล่านี้ไว้ล่วงหน้า เพื่อพร้อมใช้เวลาว่างที่ไม่คาดคิดเสมอ
9. ฝึกทำงานหลายอย่างพร้อมกันอย่างมีสติ
"คุณสามารถทำสองอย่างพร้อมกันได้อย่างน้อยหนึ่งงานที่ไม่ต้องใช้สมองมาก"
ผสมผสานอย่างชาญฉลาด แม้ว่าการทำงานหลายอย่างพร้อมกันจะไม่แนะนำเสมอไป แต่การรวมงานที่ไม่ต้องใช้สมองมากกับงานที่ต้องใช้ความคิดสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ วิธีนี้ช่วยให้คุณ:
- ใช้เวลาที่ทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างคุ้มค่า
- พัฒนาตัวเองในขณะทำงานที่ซ้ำซาก
- เพิ่มผลผลิตโดยไม่ลดคุณภาพงาน
ตัวอย่างการทำงานหลายอย่างพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ:
- ฟังพอดแคสต์เพื่อการศึกษาในขณะเดินทาง
- ฝึกพูดยืนยันตนเองหรือจินตนาการขณะทำงานบ้าน
- วางแผนวันของคุณในใจขณะออกกำลังกาย
กุญแจสำคัญคือการจับคู่กิจกรรมที่ไม่แย่งชิงทรัพยากรทางสมองเดียวกัน เพื่อให้ทั้งสองงานทำได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ลดคุณภาพหรือความปลอดภัย
อัปเดตล่าสุด:
รีวิว
Master Your Time in 10 Minutes a Day ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวางในด้านการนำเสนอวิธีบริหารเวลาที่เป็นประโยชน์และกระชับ ผู้อ่านหลายท่านชื่นชอบเคล็ดลับและเทคนิคหลากหลายที่หนังสือเล่มนี้นำเสนอ ซึ่งช่วยให้แต่ละคนสามารถเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับตนเองได้อย่างลงตัว หลายคนรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้สร้างแรงบันดาลใจและนำไปปฏิบัติได้ง่าย พร้อมทั้งให้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการสร้างนิสัยและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แม้ว่าจะมีบางเสียงวิจารณ์ว่าเนื้อหาอาจไม่ใช่สิ่งใหม่ทั้งหมด แต่หนังสือเล่มนี้ก็ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจและเสริมสร้างแนวทางการบริหารเวลาที่ได้ผลอย่างแท้จริง บางส่วนอาจมองว่าขาดความแปลกใหม่ แต่โดยรวมแล้วผู้อ่านส่วนใหญ่ชื่นชมคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาและนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน