ข้อสำคัญ
1. วงจรนิสัย: นิสัยทำงานอย่างไร
กระบวนการที่สมองเปลี่ยนลำดับของการกระทำให้กลายเป็นกิจวัตรอัตโนมัติ เรียกว่า “chunking” ซึ่งเป็นรากฐานของการเกิดนิสัย
ประสิทธิภาพของสมอง นิสัยเกิดขึ้นเพราะสมองพยายามประหยัดพลังงานอยู่เสมอ โดยการ “chunk” หรือรวบรวมลำดับของการกระทำให้กลายเป็นกิจวัตรอัตโนมัติ เพื่อให้สมองสามารถโฟกัสกับงานอื่นได้ การทำงานนี้ถูกควบคุมโดยบริเวณ basal ganglia ซึ่งเป็นส่วนเก่าแก่ของสมอง
วงจรสามขั้นตอน นิสัยทุกอย่างทำงานผ่านวงจรประสาทง่าย ๆ ดังนี้
- สัญญาณเตือน (Cue): ตัวกระตุ้นที่บอกสมองให้เข้าสู่โหมดอัตโนมัติ
- กิจวัตร (Routine): พฤติกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางใจ หรือทางอารมณ์
- รางวัล (Reward): สิ่งที่ช่วยให้สมองตัดสินใจว่าวงจรนี้ควรจดจำหรือไม่
โหมดอัตโนมัติ เมื่อวงจรถูกสร้างขึ้นแล้ว สมองจะหยุดมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับพฤติกรรมนั้นอย่างเต็มที่ รูปแบบจะดำเนินไปเองโดยอัตโนมัติ เว้นแต่จะมีการขัดจังหวะอย่างตั้งใจ นี่คือเหตุผลที่นิสัยมีพลังและยากจะเลิก
2. สมองที่อยากได้: วิธีสร้างนิสัยใหม่
นิสัยใหม่เกิดขึ้นโดยการรวมสัญญาณเตือน กิจวัตร และรางวัลเข้าด้วยกัน พร้อมกับสร้างความอยากที่ขับเคลื่อนวงจรนี้
การคาดหวังคือกุญแจ นิสัยถูกขับเคลื่อนด้วยความอยาก ซึ่งเป็นการคาดหวังรางวัลอย่างไม่รู้ตัว ความอยากนี้เกิดขึ้นเมื่อสมองเชื่อมโยงสัญญาณเตือนกับรางวัล สร้างแรงกระตุ้นทางประสาทที่ทรงพลัง
การเพิ่มขึ้นของโดปามีน งานวิจัย เช่น การทดลองกับลิงของ Wolfram Schultz แสดงให้เห็นว่าโดปามีนจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่ตอนรับรางวัล แต่ตอนที่สัญญาณเตือนปรากฏขึ้นด้วย ซึ่งบอกสมองให้ คาดหวัง รางวัล ความคาดหวังนี้เป็นแรงผลักดันให้เกิดกิจวัตร
- สัญญาณเตือน (รูปทรง) -> กิจวัตร (คันโยก) -> รางวัล (น้ำผลไม้)
- ต่อมา: สัญญาณเตือน (รูปทรง) -> ความอยาก (การเพิ่มขึ้นของโดปามีน) -> กิจวัตร (คันโยก) -> รางวัล (น้ำผลไม้)
การใช้ประโยชน์จากความอยาก บริษัทอย่าง Pepsodent (ความรู้สึกซ่า) และ Cinnabon (กลิ่นหอม) สร้างหรือใช้ประโยชน์จากความอยากเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์กลายเป็นนิสัย ความอยากในความรู้สึกหรือกลิ่นนั้นกระตุ้นให้เกิดการซื้อ มากกว่าตัวผลิตภัณฑ์เอง
3. กฎทองของการเปลี่ยนนิสัย: ทำไมการเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น
การเปลี่ยนนิสัยต้องเก็บสัญญาณเตือนเดิมไว้ ให้รางวัลเดิมเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนกิจวัตรใหม่แทน
การแทนที่ ไม่ใช่การกำจัด นิสัยไม่ดีไม่สามารถถูกกำจัดได้จริง ๆ เพราะถูกบันทึกไว้ในสมอง วิธีที่ได้ผลที่สุดในการเปลี่ยนนิสัยคือการแทนที่กิจวัตรเดิมด้วยกิจวัตรใหม่ โดยยังคงสัญญาณเตือนและรางวัลเดิมไว้
สูตรสำเร็จ: สัญญาณเตือน + กิจวัตรใหม่ + รางวัล = นิสัยใหม่ กฎนี้เป็นพื้นฐานของโปรแกรมเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จหลายแห่ง
- Alcoholics Anonymous: ระบุสัญญาณเตือนและรางวัลของการดื่ม (การหนีปัญหา ผ่อนคลาย) แล้วแทนที่ด้วยกิจวัตรใหม่ (เข้าร่วมประชุม โทรหาผู้สนับสนุน) เพื่อให้ได้รางวัลเดิม
- Tony Dungy: เก็บสัญญาณเตือนฟุตบอล (ท่าทางคู่แข่ง การโยนบอล) และรางวัล (ชัยชนะ) แต่เปลี่ยนกิจวัตรของผู้เล่น (ปฏิกิริยาอัตโนมัติ) เพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น
ความตระหนักคือครึ่งหนึ่งของชัยชนะ การระบุสัญญาณเตือนและรางวัลที่ขับเคลื่อนนิสัยเป็นสิ่งสำคัญ บ่อยครั้งเรายังไม่เข้าใจความอยากที่แท้จริงจนกว่าจะตั้งใจค้นหา เช่น ในการฝึกเปลี่ยนนิสัยกัดเล็บ
4. ความเชื่อจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
เมื่อผู้คนเรียนรู้ที่จะเชื่อในบางสิ่ง ทักษะนี้จะลามไปสู่ด้านอื่น ๆ ของชีวิต จนพวกเขาเริ่มเชื่อว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงได้
การแทนที่นิสัยไม่เพียงพอเสมอไป แม้ว่าการเปลี่ยนกิจวัตรจะสำคัญ แต่นิสัยใหม่มักไม่ติดทนนานในช่วงเวลาที่เครียด หากไม่มีความเชื่อ ความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้ช่วยให้คนเรายืนหยัดได้เมื่อแรงใจอ่อนแอ
ชุมชนช่วยสร้างความเชื่อ ความเชื่อมักง่ายขึ้นเมื่ออยู่ในกลุ่มหรือชุมชน
- AA: ประสบการณ์ร่วมในที่ประชุมช่วยให้ผู้คนเชื่อในโปรแกรมและความสามารถของตนเองในการเลิกเหล้า
- ทีมของ Tony Dungy: การเผชิญความยากลำบากร่วมกันและการสนับสนุนซึ่งกันและกันสร้างความเชื่อในระบบของพวกเขา นำไปสู่ชัยชนะใน Super Bowl
ประสบการณ์ร่วม การเห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จและรู้สึกได้รับการสนับสนุนจากชุมชนทำให้ความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองดูจริงและเข้าถึงได้ ความเชื่อร่วมนี้เป็นพลังที่ช่วยให้ผ่านอุปสรรคไปได้
5. นิสัยหลักขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างกว้างขวาง
นิสัยหลักเริ่มต้นกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในระยะยาว
ปฏิกิริยาลูกโซ่ นิสัยบางอย่างเรียกว่า “นิสัยหลัก” เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอื่น ๆ การมุ่งเน้นนิสัยสำคัญเพียงอย่างเดียวสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในหลายด้านของชีวิตหรือองค์กร
ชัยชนะเล็ก ๆ นิสัยหลักมักสร้าง “ชัยชนะเล็ก ๆ” ซึ่งเป็นความสำเร็จเล็ก ๆ ที่สร้างแรงผลักดันและทำให้คนเชื่อว่าความสำเร็จที่ใหญ่กว่านั้นเป็นไปได้
- Paul O’Neill ที่ Alcoa: มุ่งเน้นความปลอดภัยของคนงาน (นิสัยหลัก) ซึ่งนำไปสู่การสื่อสารที่ดีขึ้น การควบคุมคุณภาพ และประสิทธิภาพการผลิต
- การออกกำลังกาย: มักนำไปสู่การกินอาหารที่ดีขึ้น ลดการสูบบุหรี่ เพิ่มประสิทธิภาพ และลดความเครียด
การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง นิสัยหลักสร้างโครงสร้างที่เอื้อต่อการเกิดนิสัยอื่น ๆ เช่น การจดบันทึกอาหารช่วยให้เลือกกินอย่างมีสุขภาพ การระบุและส่งเสริมนิสัยสำคัญเหล่านี้คือกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
6. ความตั้งใจคือกล้ามเนื้อที่เสริมสร้างได้
ความตั้งใจไม่ใช่แค่ทักษะ แต่เป็นกล้ามเนื้อเหมือนกล้ามเนื้อแขนหรือขา และจะเหนื่อยเมื่อใช้งานหนัก ทำให้พลังที่เหลือสำหรับเรื่องอื่นลดลง
ทรัพยากรจำกัด ความตั้งใจเป็นทรัพยากรที่จำกัดและจะลดลงเมื่อใช้งาน การควบคุมตนเองในเรื่องหนึ่งทำให้ยากขึ้นที่จะควบคุมในเรื่องอื่น เช่น การทดลองกับหัวไชเท้าและคุกกี้
การฝึกฝนเสริมสร้าง เหมือนกล้ามเนื้อ ความตั้งใจสามารถเสริมสร้างได้ด้วยการฝึกฝน งานวิจัยแสดงว่าการทำกิจกรรมที่ต้องมีวินัย เช่น การออกกำลังกาย หรือการติดตามการเงิน ช่วยเพิ่มความตั้งใจในด้านอื่น ๆ ของชีวิต
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยเพิ่มความตั้งใจในการควบคุมอาหาร การเลิกบุหรี่ และการทำงาน
- การติดตามการเงินช่วยเพิ่มความตั้งใจในการใช้จ่าย การเลิกบุหรี่ และนิสัยการกิน
ผลกระทบข้ามโดเมน การเสริมสร้างความตั้งใจในด้านหนึ่งส่งผลต่อความตั้งใจในสถานการณ์อื่น ๆ ทำให้การควบคุมตนเองง่ายขึ้น นี่แสดงให้เห็นว่าการสร้างวินัยตนเองเป็นนิสัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อความสำเร็จโดยรวม
7. ความตั้งใจกลายเป็นอัตโนมัติด้วยการวางแผนและอิสระในการตัดสินใจ
เมื่อคนถูกขอให้ทำสิ่งที่ต้องใช้ความตั้งใจ หากพวกเขาคิดว่าทำด้วยเหตุผลส่วนตัว หรือรู้สึกว่าเป็นทางเลือกหรือสิ่งที่ชอบเพราะช่วยผู้อื่น จะทำได้ง่ายและไม่เหนื่อยมาก
วางแผนสำหรับจุดเปลี่ยน ความตั้งใจมักล้มเหลวใน “จุดเปลี่ยน” คือช่วงเวลาที่เครียดหรือมีสิ่งล่อลวง การมีแผนล่วงหน้าว่าจะตอบสนองอย่างไรต่อสัญญาณเตือนเหล่านี้ทำให้การควบคุมตนเองเป็นอัตโนมัติ
- ผู้ป่วยในสกอตแลนด์ที่ฟื้นตัวจากการผ่าตัด: เขียนแผนจัดการความเจ็บปวดในกิจกรรมต่าง ๆ
- พนักงาน Starbucks: ฝึกใช้วิธี LATTE (ฟัง, ยอมรับ, ลงมือทำ, ขอบคุณ, อธิบาย) ในการรับมือกับลูกค้าโกรธ
อิสระลดการหมดแรง การรู้สึกว่าควบคุมได้และทำด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือเพื่อช่วยผู้อื่น ช่วยลดการหมดแรงของความตั้งใจ ในทางกลับกัน การรู้สึกว่าทำตามคำสั่งอย่างเดียวจะทำให้ความตั้งใจหมดเร็วขึ้น
การให้พลังงานทำงานได้ผล การให้คนมีอำนาจตัดสินใจ แม้ในเรื่องเล็ก ๆ ช่วยเพิ่มวินัยตนเองและความมีส่วนร่วม นี่คือเหตุผลที่บริษัทอย่าง Starbucks ให้อำนาจพนักงานในการตัดสินใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงานและการติดต่อกับลูกค้า
8. องค์กรมีนิสัย (กิจวัตร) และข้อตกลงหยุดรบ
พฤติกรรมขององค์กรส่วนใหญ่... เข้าใจได้ดีที่สุดว่าเป็นผลสะท้อนของนิสัยทั่วไปและแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่มาจากอดีตขององค์กร มากกว่าการสำรวจรายละเอียดลึกของการตัดสินใจแต่ละขั้น
กิจวัตรควบคุมพฤติกรรม องค์กรเหมือนบุคคล มีนิสัยองค์กรหรือ “กิจวัตร” ซึ่งเป็นกฎและรูปแบบที่ไม่ได้เขียนไว้ เกิดจากการตัดสินใจของแต่ละคนจำนวนมาก และกำหนดวิธีการทำงาน
สร้างข้อตกลงหยุดรบ กิจวัตรสำคัญเพราะช่วยสร้างข้อตกลงหยุดรบระหว่างบุคคลหรือฝ่ายที่แข่งขันกันในองค์กร สร้างกรอบความร่วมมือแม้จะมีความขัดแย้งภายใน
- ทีมขายตกลงกันเรื่องขอบเขตส่วนลด
- ผู้บริหารหลีกเลี่ยงการทำลายล้างเพื่อนร่วมงาน
รูปแบบที่ไม่เหมาะสม เมื่อกิจวัตรและข้อตกลงหยุดรบไม่ได้ถูกออกแบบอย่างตั้งใจหรือไม่สมดุล อาจนำไปสู่รูปแบบที่ทำลายล้าง ไม่ประสิทธิภาพ และความขัดแย้ง เช่น ความล้มเหลวในการสื่อสารที่โรงพยาบาล Rhode Island
9. วิกฤตสร้างโอกาสเปลี่ยนนิสัยองค์กร
อย่าให้วิกฤตที่ร้ายแรงผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
ช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงได้ นิสัยและข้อตกลงหยุดรบขององค์กรมักต้านทานการเปลี่ยนแปลง แต่ในช่วงวิกฤต กิจวัตรเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้นำทำการปฏิรูปครั้งใหญ่
เปิดเผยจุดอ่อน วิกฤตเผยให้เห็นจุดอ่อนของกิจวัตรและข้อตกลงหยุดรบ ทำให้ชัดเจนว่าวิธีเดิมไม่สามารถดำรงอยู่ได้
- ไฟไหม้ที่ King's Cross: เปิดเผยนิสัยและข้อตกลงหยุดรบที่ไม่เหมาะสมซึ่งให้ความสำคัญกับเขตอำนาจมากกว่าความปลอดภัย
- ความผิดพลาดที่โรงพยาบาล Rhode Island: เน้นความสัมพันธ์ที่เป็นพิษและขาดโปรโตคอลความปลอดภัยที่ชัดเจน
การลงมือทำอย่างตั้งใจ ผู้นำที่ชาญฉลาดใช้วิกฤตเป็นโอกาสในการออกแบบนิสัยองค์กรใหม่ กำหนดความรับผิดชอบ และส่งเสริมวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลง โดยมักสร้างความรู้สึกเร่งด่วนและให้อำนาจแก่บุคคลให้ลงมือทำ
10. บริษัททำนายและควบคุมนิสัย
Target สามารถซื้อข้อมูลที่บ่งชี้เชื้อชาติ ประวัติการทำงาน นิตยสารที่อ่าน ประกาศล้มละลาย ปีที่ซื้อหรือขายบ้าน ที่เรียนมหาวิทยาลัย และความชอบในแบรนด์กาแฟ กระดาษชำระ ซีเรียล หรือแอปเปิ้ลซอส
การทำนายด้วยข้อมูล ร้านค้าปลีกอย่าง Target ใช้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อทำนายนิสัยการซื้อของลูกค้า รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรแม้ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวเอง ทำให้การตลาดมีความเฉพาะตัวสูง
การเปลี่ยนแปลงชีวิตเป็นโอกาส เหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น การมีลูก ทำให้นิสัยของผู้บริโภคยืดหยุ่นและเปิดรับการตลาดมากขึ้น บริษัทจึงมุ่งเป้าไปที่ช่วงเวลานี้เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ในระยะยาว
- ตัวทำนายการตั้งครรภ์ของ Target: ใช้รูปแบบการซื้อ (โลชั่นไม่มีกลิ่น วิตามิน) เพื่อประเมินวันคลอดและส่งคูปองเฉพาะกลุ่ม
- อุตสาหกรรมเพลง: ใช้ข้อมูลทำนายความนิยมของเพลงและอัตราการเลิกฟัง
ซ่อนสิ่งแปลกใหม่ไว้ในสิ่งที่คุ้นเคย เพื่อแนะนำสินค้าหรือเปลี่ยนนิสัยโดยไม่ทำให้รู้สึกแปลก บริษัทมักซ่อนสิ่งใหม่ไว้ในรูปแบบที่คุ้นเคย
- Target ผสมคูปองเด็กกับโฆษณาอื่น ๆ
- สถานีวิทยุสอดแทรกเพลงใหม่ (“Hey Ya!”) ระหว่างเพลงฮิตที่คุ้นเคยและติดหู
11. เรารับผิดชอบต่อนิสัยของเรา
เมื่อเข้าใจว่านิสัยเปลี่ยนแปลงได้ คุณก็มีอิสระและความรับผิดชอบที่จะสร้างนิสัยใหม่
นิสัยไม่ใช่โชคชะตา แม้นิสัยจะทรงพลังและดูเหมือนอัตโนมัติ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ มันคือการเลือกที่เคยทำจนกลายเป็นอัตโนมัติ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความตั้งใจ
ความตระหนักนำมาซึ่งความรับผิดชอบ การเข้าใจว่านิสัยทำงานอย่างไร—การระบุสัญญาณเตือน กิจวัตร และรางวัล—ทำให้เรามีพลังควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ความตระหนักนี้หมาย
อัปเดตล่าสุด:
รีวิว
หนังสือ Smarter Faster Better, The Power of Habit ได้รับความคิดเห็นที่หลากหลายจากผู้อ่านบนเว็บไซต์ Goodreads โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.27 จาก 5 ดาว บางคนมองว่าเป็นหนังสือที่ควรอ่านอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแรงจูงใจและการสร้างนิสัยไว้อย่างละเอียด ขณะที่บางคนเห็นว่าเนื้อหาอยู่ในระดับปานกลางหรือดีเท่านั้น มีผู้รีวิวท่านหนึ่งระบุว่าอ่านเฉพาะส่วนของ "The Power of Habit" เท่านั้น ส่วนรีวิวเชิงลบที่ให้คะแนนเพียง 2 ดาวนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการวิจารณ์ทั้งเล่มหรือเฉพาะส่วน "The Power of Habit" เท่านั้น คะแนนที่แตกต่างกันนี้สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์และความคาดหวังที่หลากหลายของผู้อ่านแต่ละคน
Similar Books









