ข้อสำคัญ
1. โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง: โรคระบาดยุคใหม่ที่ต้องการแนวทางใหม่
เมื่อพูดถึงการรักษาโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง การแพทย์แผนปัจจุบันกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ความล้มเหลวของการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์แผนปัจจุบันมักเน้นเพียงการบรรเทาอาการโดยไม่สามารถแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองได้อย่างครบถ้วน การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการอาจช่วยได้ชั่วคราว แต่ก็มักมาพร้อมกับผลข้างเคียงและไม่สามารถหยุดยั้งการลุกลามของโรคได้ นอกจากนี้ การแบ่งแยกความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ยังทำให้ผู้ป่วยต้องพบแพทย์หลายสาขาที่เน้นรักษาอวัยวะเฉพาะส่วนโดยไม่มองภาพรวมของระบบภูมิคุ้มกัน
การแพทย์เชิงฟังก์ชัน: ทางเลือกแบบองค์รวม “The Myers Way” ซึ่งมีรากฐานจากการแพทย์เชิงฟังก์ชัน มองร่างกายเป็นระบบที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด โดยเน้นการค้นหาและขจัดปัจจัยต้นเหตุที่กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น อาหาร การใช้ชีวิต สารพิษในสิ่งแวดล้อม และความเครียด ด้วยการแก้ไขสาเหตุเหล่านี้ “The Myers Way” มุ่งหวังที่จะฟื้นฟูและป้องกันโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง แทนที่จะเพียงแค่จัดการกับอาการเท่านั้น
สเปกตรัมของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองไม่ได้เป็นเพียงภาวะที่มีหรือไม่มี แต่มีลักษณะเป็นสเปกตรัม ตั้งแต่ผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันเต็มรูปแบบ ไปจนถึงผู้ที่มีอาการอักเสบเล็กน้อย หรือแม้แต่เพียงอาการบางอย่าง “The Myers Way” ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือทุกคนในสเปกตรัมนี้ ไม่ว่าจะต้องการฟื้นฟูโรคที่มีอยู่ ป้องกันไม่ให้เกิดโรค หรือเพียงแค่ปรับปรุงสุขภาพโดยรวม
2. การเชื่อมโยงระหว่างลำไส้และภูมิคุ้มกัน: การรักษาจากภายในสู่ภายนอก
เพราะภูมิคุ้มกันของคุณกว่า 80% อยู่ในลำไส้
ลำไส้คือประตูสู่สุขภาพ ลำไส้มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยประมาณ 80% ของระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในทางเดินอาหาร เมื่อเยื่อบุลำไส้เกิดความเสียหายจนกลายเป็น “ลำไส้รั่ว” จะทำให้เศษอาหารที่ย่อยไม่สมบูรณ์ สารพิษ และเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและนำไปสู่การอักเสบเรื้อรัง ดังนั้น การฟื้นฟูลำไส้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง
หลักการ 4Rs สำหรับการฟื้นฟูลำไส้ “The Myers Way” ใช้วิธีการ 4 ขั้นตอนเพื่อฟื้นฟูลำไส้ ได้แก่
- Remove (กำจัด): ขจัดอาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ สารพิษ และการติดเชื้อ
- Restore (ฟื้นฟู): เติมเต็มเอนไซม์และกรดในกระเพาะอาหารที่จำเป็น
- Reinoculate (เติมแบคทีเรียดี): นำแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์เข้าสู่ลำไส้ด้วยโพรไบโอติกและอาหารหมักดอง
- Repair (ซ่อมแซม): ให้สารอาหารเช่น แอล-กลูตามีน และกรดไขมันโอเมก้า-3 เพื่อเสริมสร้างเยื่อบุลำไส้
ลำไส้รั่ว: รากเหง้าของปัญหา ลำไส้รั่วคือภาวะที่เยื่อบุลำไส้มีความพรุน ทำให้สารที่เป็นอันตรายสามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและการอักเสบเรื้อรัง รวมถึงอาจเป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง การรักษาลำไส้รั่วจึงเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูและป้องกันโรคเหล่านี้
3. กลูเตน ธัญพืช และถั่ว: การระบุและกำจัดอาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ
กลูเตน—โปรตีนที่พบในข้าวสาลี รำข้าวบาร์เลย์ และธัญพืชอื่น ๆ—สร้างความเครียดให้ระบบย่อยอาหารของคุณ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะลำไส้รั่ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน
ผลกระทบของกลูเตนที่เป็นอันตราย กลูเตนซึ่งเป็นโปรตีนในข้าวสาลี รำข้าว และบาร์เลย์ สามารถกระตุ้นการอักเสบและทำให้เกิดลำไส้รั่วได้ แม้ในผู้ที่ไม่มีโรคเซลิแอค กลูเตนเซนซิทีฟเป็นภาวะที่พบได้บ่อยกว่ามากและอาจแสดงอาการหลากหลายเกินกว่าปัญหาทางเดินอาหาร เช่น สมองล้า เหนื่อยล้า และปวดข้อ การตัดกลูเตนออกจากอาหารจึงเป็นหัวใจสำคัญของ “The Myers Way”
ปัญหาของธัญพืชและถั่ว แม้แต่ธัญพืชและถั่วที่ปราศจากกลูเตนก็ยังมีสารเลคตินและสารอื่น ๆ ที่สามารถกระตุ้นการอักเสบและขัดขวางการดูดซึมสารอาหาร นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ดังนั้น “The Myers Way” แนะนำให้ตัดอาหารเหล่านี้ออกชั่วคราวเพื่อให้ลำไส้ได้ฟื้นฟู
ภาระกลูเตนในยุคปัจจุบัน การเกษตรและกระบวนการแปรรูปอาหารในยุคปัจจุบันทำให้เราสัมผัสกับกลูเตนมากขึ้น กลูเตนในข้าวสาลีสมัยใหม่ยังมีความก่อให้เกิดการอักเสบมากกว่าที่บรรพบุรุษเคยบริโภค การสัมผัสกลูเตนที่เพิ่มขึ้นนี้ รวมกับปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ส่งผลให้จำนวนผู้ที่มีอาการแพ้กลูเตนและโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองเพิ่มสูงขึ้น
4. การจัดการภาระสารพิษ: ลดการสัมผัสและสนับสนุนการล้างพิษ
ทุกวันเราต้องเผชิญกับสารพิษนับพัน—ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และในสิ่งแวดล้อม—ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของเราต้องรับภาระหนักหน่วง
ความแพร่หลายของสารพิษในสิ่งแวดล้อม ชีวิตในยุคปัจจุบันทำให้เราต้องเผชิญกับสารพิษจากหลายแหล่ง เช่น อากาศ น้ำ อาหาร และผลิตภัณฑ์ในบ้าน สารพิษเหล่านี้สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ นำไปสู่การอักเสบเรื้อรังและเพิ่มความเสี่ยงของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง การลดการสัมผัสสารพิษจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสนับสนุนสุขภาพภูมิคุ้มกัน
กลยุทธ์สำคัญ 4 ประการในการจัดการสารพิษ:
- ทำความสะอาดอากาศ: ใช้เครื่องกรองอากาศ HEPA เพื่อลดมลพิษในอากาศ
- ทำความสะอาดน้ำ: ติดตั้งเครื่องกรองน้ำเพื่อลดสารปนเปื้อนในน้ำดื่มและน้ำใช้
- เลือกอาหารสะอาด: เลือกอาหารออร์แกนิก เลี้ยงด้วยหญ้า และเลี้ยงในทุ่งหญ้าเพื่อลดสารพิษและสารเคมี
- เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่ปลอดสารพิษ: เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ส่วนตัวที่ปราศจากสารพิษแทนผลิตภัณฑ์ทั่วไป
สนับสนุนกระบวนการล้างพิษตามธรรมชาติของร่างกาย นอกจากการลดการสัมผัสสารพิษแล้ว “The Myers Way” ยังเน้นการสนับสนุนกระบวนการล้างพิษของร่างกายด้วยการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยสารอาหาร รับประทานอาหารเสริมเฉพาะ เช่น กลูตาไธโอน และทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการล้างพิษ เช่น การออกกำลังกายและการอบซาวน่า ด้วยวิธีนี้ ร่างกายจะสามารถขจัดสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน
5. ความเครียดและการติดเชื้อ: การเปิดเผยตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ซ่อนเร้น
การติดเชื้อบางชนิด รวมถึงความเครียดทางร่างกาย จิตใจ หรืออารมณ์ สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองได้
ผลกระทบของความเครียดต่อระบบภูมิคุ้มกัน ความเครียดเรื้อรังส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดความผิดปกติและเพิ่มความเสี่ยงของโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลอาจกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในช่วงแรก แต่ในระยะยาวกลับทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกกดทับ สร้างความไม่สมดุลที่กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองภูมิคุ้มกันผิดปกติ การจัดการความเครียดด้วยเทคนิคต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสนับสนุนสุขภาพภูมิคุ้มกัน
บทบาทของการติดเชื้อในโรคภูมิคุ้มกัน การติดเชื้อบางชนิด เช่น ไวรัส Epstein-Barr (EBV) และไวรัสเฮอร์ปีส์ (HSV) มีความเกี่ยวข้องกับโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง การติดเชื้อเหล่านี้สามารถกระตุ้นกลไก “molecular mimicry” ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันเข้าใจผิดว่าเนื้อเยื่อของร่างกายเป็นเชื้อโรคเนื่องจากมีลักษณะคล้ายกัน การรักษาการติดเชื้อด้วยยาต้านไวรัสและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการกำเริบของโรคภูมิคุ้มกันได้
การทำลายวงจรอุบาทว์ ความเครียดและการติดเชื้อสามารถสร้างวงจรอุบาทว์ที่ซ้ำเติมกันไปมา โดยความเครียดกระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อ และการติดเชื้อก็เพิ่มความเครียด “The Myers Way” มุ่งเน้นการจัดการทั้งสองปัจจัยนี้เพื่อทำลายวงจรและฟื้นฟูความสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ผ่านการผ่อนคลาย ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และการรักษาการติดเชื้ออย่างเหมาะสม
6. The Myers Way: คู่มือปฏิบัติสำหรับการฟื้นฟูสุขภาพของคุณ
“The Myers Way” ไม่ใช่แค่แผนการรักษา แต่คือวิถีชีวิต
เสาหลักสี่ประการของ The Myers Way “The Myers Way” คือแนวทางครบวงจรในการฟื้นฟูและป้องกันโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง โดยยึดหลักสำคัญ 4 ประการ ได้แก่
- ฟื้นฟูลำไส้ของคุณ
- กำจัดกลูเตน ธัญพืช และถั่ว
- ลดภาระสารพิษ
- รักษาการติดเชื้อและบรรเทาความเครียด
โปรโตคอล 30 วันเพื่อการเปลี่ยนแปลง “The Myers Way” มีโปรโตคอล 30 วันที่วางแผนอย่างละเอียด พร้อมเมนูอาหาร สูตรอาหาร และคำแนะนำเรื่องอาหารเสริม เพื่อชี้นำผู้ป่วยในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นฟู ด้วยการปฏิบัติตามโปรโตคอลนี้ ผู้คนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในอาการและสุขภาพโดยรวม
หลังจาก 30 วัน: วิถีชีวิตที่ยั่งยืน แม้โปรโตคอล 30 วันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ “The Myers Way” ถูกออกแบบให้เป็นวิถีชีวิตระยะยาว ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจอย่างมีสติในเรื่องอาหาร การใช้ชีวิต และสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนสุขภาพภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง การนำ “The Myers Way” มาใช้ในชีวิตประจำวันจะช่วยให้รักษาความก้าวหน้าและป้องกันการกำเริบของโรคในอนาคต
7. การนำทางในระบบการแพทย์: เสริมพลังให้ตัวคุณเองในฐานะผู้ป่วย
คุณรู้จักร่างกายของตัวเองดีกว่าฉัน
ความสำคัญของการเป็นตัวแทนดูแลตนเอง การเดินทางในระบบการแพทย์อาจเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการดูแลตัวเอง เช่น การตั้งคำถาม ขอคำปรึกษาที่สอง และการเรียกร้องความต้องการของตนเอง เป็นสิ่งสำคัญ อย่าลืมว่าคุณคือผู้ที่รู้จักร่างกายตัวเองดีที่สุด และเสียงของคุณมีความสำคัญต่อกระบวนการฟื้นฟู
การค้นหาผู้ให้บริการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม “The Myers Way” สามารถนำไปใช้ร่วมกับการดูแลโดยแพทย์แผนปัจจุบัน หรือร่วมกับแพทย์เชิงฟังก์ชันที่เน้นการดูแลแบบองค์รวม แพทย์เชิงฟังก์ชันจะสอดคล้องกับหลักการของ “The Myers Way” ขณะที่แพทย์แผนปัจจุบันสามารถช่วยในการวินิจฉัยและจัดการยา การมีทีมแพทย์ที่เข้าใจและสนับสนุนเป้าหมายของคุณเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ
การบันทึกการเดินทางของคุณ การจดบันทึกรายละเอียดอาการ ผลตรวจ และการรักษาต่าง ๆ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการติดตามความก้าวหน้าและสื่อสารกับทีมแพทย์ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เห็นรูปแบบ ประเมินผลการรักษา และตัดสินใจอย่างมีข้อมูล การมีระเบียบและความกระตือรือร้นจะช่วยเสริมพลังให้คุณนำทางในระบบการแพทย์และบรรลุสุขภาพที่ดีที่สุด
8. พลังแห่งความหวัง: เรื่องราวจริงของการเปลี่ยนแปลง
ความรู้สึกที่ได้ควบคุมสุขภาพของตัวเองนั้นยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องราวความสำเร็จเป็นแรงบันดาลใจ “The Myers Way” ได้ช่วยผู้คนจำนวนมากฟื้นฟูโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ขจัดอาการ และกลับมามีชีวิตที่เต็มเปี่ยม เรื่องราวเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจที่ทรงพลังว่าสุขภาพที่ดีเป็นไปได้ และทุกคนสามารถควบคุมสุขภาพของตนเองได้ การเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านี้ช่วยให้ผู้อื่นมีแรงบันดาลใจและแนวทางในการเริ่มต้นเส้นทางฟื้นฟูของตนเอง
เรื่องราวของซูซาน: การกลับมาของความสุขและความสัมพันธ์ ซูซาน ผู้ประสบกับโรค transverse myelitis ได้รับการบรรเทาอาการปวดเรื้อรังและกลับมาเล่นกับหลาน ๆ ได้อีกครั้ง
อัปเดตล่าสุด:
รีวิว
หนังสือเล่มนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ที่หลากหลาย บางคนมองว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์และสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ ด้วยการนำเสนอแนวทางที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ขณะที่บางคนกลับมองว่าเนื้อหาเกินจริงและเข้มงวดเกินไป โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับเปลี่ยนอาหารและวิถีชีวิตที่ทำได้ยาก จุดเด่นของหนังสืออยู่ที่การอธิบายโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองอย่างละเอียด พร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ แต่ข้อด้อยคือข้อมูลที่มากมายจนทำให้รู้สึกหนักใจ รวมถึงการใช้คำว่า "The Myers Way" ซ้ำซากหลายครั้ง ผู้อ่านจำนวนไม่น้อยชื่นชอบสูตรอาหารและแผนมื้ออาหารที่นำเสนอ แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่าแนวทางโดยรวมไม่สมจริงและก่อให้เกิดความวิตกกังวลได้ง่าย
Similar Books








